การสนทนาและการสื่อสารบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ในปัจจุปันการใช้อินเทอร์เน็ตมีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากขึ้น และใช้งานกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจำเป็นที่จะต้องติดต่อสื่อสาร อินเตอร์เน็ตจึงได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการสื่อสารรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้จดหมายอินเล็กทรอนิกส์ การติดต่อด้วยเสียง ระบบ VDO Conference การใช้โทรศัพท์บนเครือข่าย ซึ่งก็มีวิวัฒนาการตามลำดับเบื้องต้นดังนี้
E-mail
หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิคส์เป็นบริการอย่างหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาก จนทำให้บางคนคิดว่า E-mail คือ อินเตอร์เน็ต และอินเตอร์เน็ตคือ E-mail วิธีใช้งานอีเมลล์ก็ง่ายและมีประโยชน์มาก การทำงานของ E-mail มีลักษณะคล้ายกับระบบไปรษณีย์ปกติ (หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหมายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กทรอนิคส์)
Chat
คือ การส่งข้อความสั้นๆ ระหว่างบุคคลที่อยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในเวลาเดียวกัน และสามารถเขียนโต้ตอบกันไปมาคล้ายกับการคุยกัน ซึ่งก็ได้มีการพัฒนโปรแกรมสำหรับหาร Chat ออกมามากมายที่เป็นที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายก็คือ MSN Messenger
และสิ่งหนึ่งที่มีการพัฒนาต่อมา คือระบบการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเครือข่าย IP ที่เรียกว่า เทคโนโลยี Voice over IP หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “VoIP” จนสามารถใช้งานได้ดีขึ้น เพื่อให้ได้รับประโยชน์และมีความสะดวกมากที่สุด VoIP ถูกเริ่มต้นใช้งานกันอย่างกว้างขวาง เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสามารถสนทนา ระหว่างกัน ได้ รวมถึงการสนทนากับโทรศัพท์พื้นฐานอีกด้วยโดยไม่เสียค่าบริการแต่อย่างได และคุณภาพของบริการก็ถูก
การสนทนาผ่านเว็บ (Wed Chat)
http://www.thaimail.com/
การสนทนาด้วยโปรแกรมสนทนา QQ
มารยาทในการสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ต
1.ไม่ควรสนทนาด้วยความไม่พาดพริงถึงบุคคลอื่น
2.ควรสนทนาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ
3.พึงระวังในการใช้ script เพราะอาจสร้างปัญหารได้
4.ไม่ควรส่งข้อความซ้ำ ๆ
5.ในการเล่น IRC คุญควรที่จะแสดงคัวเพื่อให้เกรียดติต่อผู้ที่ดูแล
6.ควรที่จะใช้ชื่อเล่นเป็นชื่อเดิม
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการโอนถ่ายข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต
นอกจากจากการติดต่อสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไป ก็มีการบริการความนิยมอย่างสูง คือ การถ่ายโอนข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (FTP) หรือ File Transfer Protocol หมายถึงรูปมาตราฐานการติดต่อสื่อสารการโอนถ่ายไฟล์
1. การดาวน์โหลดไฟล์( DOWNLOAD )
ความหมายของการดาวน์โหลดไฟล์
การใช้งานในอินเตอร์เน็ตที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย นอกเหนือจากส่ง E-mail ก็คิอ การดาวน์โหลดไฟล์ (Dornload) หรือการเคลี่อนย้ายไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ตมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการอินเตอร์เน็ตมีไฟล์ต่าง ๆ อยู่มากมาย เช่น ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เสียง ไฟล์วีดีโอ หรือ ไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ อีกมากมายที่สามารถรันบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้นวิธีการแยกแยะไฟล์ต่าง ๆ ว่าเป็นไฟล์ประเภทใดบ้าง ก็จะใช้วิธีการกำหนดนามสกุล (Extension) ที่แตกต่างกันออกไป
รายละเอียดของนามสกุลไฟล์ต่าง ๆ ได้แก่.DOC, .TXT เป็นไฟล์ที่ประกอบด้วยตัวอักษรล้วนๆ สามารถเปิดอ่านได้โปรแกรมจำพวกMicrosoft Wordหรือ Not Pad.WAV, .MID, .AV, .AIF เป็นไฟล์เสียงที่สามารถฟังเสียงต่าง ๆ ได้โดยใช้ โปรแกรมMesia Player, sound Recorder ฯลฯ.BMP, .GIF, .JPG, .PIC เป็นไฟล์ประเภทรูปภาพ สามารถเปิดจากโปรแกรม Photoshopหรือ Paintbrush ก็ได้.EXE, .COM เป็นไฟล์โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ สามารถเรียกใช้งาน Start > Run บน Windows 95/98 หรือ Run บน Windows 3.11.AVI, .MOV เป็นไฟล์ประเภทภาพเคลื่อนไหว สามารถเปิดไฟล์เหล่านี้ได้จากMedia Player บน
ลักษณะของ FTP server
ในปัจจุบัน มีการดาวน์โหลดไฟล์ผ่านอินเตอร์เน็ตมากมาย ซึ่งมักจะใช้วิธีการที่เรียกว่า " FileTransfer Protocol " หรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่า " FTP " ซึ่งสามารถอัพโหลดไฟล์จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องอื่นบนอินเตอร์เน็ตได้FTP ทำงานในรูปแบบของ Client / Server เช่นเดียวกับการบริการทางด้านอื่น ๆ ของอินเตอร์เน็ต ดังนั้นจะต้องรัน FTP client บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เสียก่อน เพื่อติดต่อไปยัง FTP server ในการร้องขอหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่ต้องการ FTP server มีโปรแกรมชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวจัดการการดาวน์โหลดไฟล์ที่ต้องการอัพโหลดไฟล์ ซึ่งเรียกว่า " FTP deamon " และการติดต่อกันระหว่าง FTP client กับ FTP server จะต้องมีการระบุ User Name และ รหัสผ่าน (Password) เสียก่อน สำหรับ FTP site บางแห่งอนุญาตให้ FTP client ใช้ E-mail Address ของตัวเองรหัสผ่านได้ แต่สำหรับ FTP siteบางแห่งอนุญาตให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้เท่านั้น เช่น สมาชิกของกลุ่มผู้ใช้เท่านั้น
วิธีการดาวน์โหลดไฟล์ส่วนมากเว็บไซต์ต่าง ๆ มักจะมีไฟล์ให้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ แต่วิธีการดาวน์โหลดจะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ผู้ออกแบบเว็บไซต์นั้น ๆ ไฟล์ต่าง ๆ ที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตที่รอการดาวน์โหลด สามารถแยกออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น ไฟล์ที่แจกฟรี (Freeware) ไฟล์ที่ให้ทดลองใช้งานก่อน (Shareware) และไฟล์ที่ต้องการชำระเงินก่อนการดาวน์โหลดไฟล์ ดังนั้นจึงควรสังเกตไฟล์หรือซอฟต์แวร์ที่ต้องการดาวน์โหลดเสียก่อน ว่าเป็นประเภทที่ตรงกับความต้องการหรือไม่
ตัวอย่างการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์
1. พิมพ์ URL ลงในช่อง Location : http://www.sharware.com/
2. เลื่อนเมาส์เพื่อค้นหาไฟล์ที่ต้องการ หรือสามารถใช้วิธีการค้นหาได้จากการพิมพ์ชื่อไฟล์ หรือชื่อซอฟต์แวร์ลงไป แล้วคลิก Search
3. คลิกเลือกซอฟต์แวร์ที่ต้องการ
4. เว็บเพจของซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ให้สังเกตคำว่า Downlod Now
5. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างให้บันทึกชื่อไฟล์ที่ต้องการบันทึก
6. คลิก Save
7. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างสถานะของการดาวน์โหลดไฟล์ จะต้องรอให้ครบ 100%
8. หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยโดยไม่มีปัญหาอะไร จึงจะสามารถเรียกใช้ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาได้ทันที
2.การอัพโหลด
การโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการ ซึ้งการใช้งานก็ตรงกันข้ามกับดาวโหลด แต่แตกต่างกัน
- ไฟล์ข้อความ (Text File)คือ อะไร
เป็นไฟล์ที่แพร่หลายมากที่สุดในอินเทอร์เน็ต โดยจะบรรจุข้อความตัวอักษรภาษาต่างๆ เช่นอังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย และอื่นๆ เป็นต้น ปัจจุบันเวิลด์ไวด์เว็บนิยมใช้ไฟล์ข้อความมาก เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อีเมล์ เป็นต้น การสังเกตไฟล์ข้อความดูได้จากนามสกุล คือ .txt , .doc , .html เป็นต้น การดึงไฟล์ข้อความจากอินเทอร์เน็ตทำได้ง่าย ใช้เวลาน้อย เพราะมีใหญ่มาก
ไฟล์เสียง (sound) เป็นไฟล์ลักษณะของเสียง ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน
- ไฟล์ภาพ
ประเภทของไฟล์ภาพที่ควรจะพบเมื่อใช้วินโดวส์ 98 มีดัง BMP (Bitmap)
ไฟล์ภาพประเภทที่เก็บจุของภาพแบบจุดต่อจุดตรงๆ เรียกว่าไฟล์แบบ บิตแมพ( Bitmap ) ไฟล์ประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่แต่สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื่องจากการเก็บแบบ Bitmap ใช้เนื้อที่ในการเก็บจำนวนมาก จึงได้มีการคิดค้นวิธีการเก็บภาพให้มีขนาดเล็กลงโดยยังคงสามารถเภาพได้เช่นเดิม ขึ้นมาหลายวิธีการ เช่น JPEG และ GIF
JPEG ( Joint Graphics Expert Group )
เป็นการเก็บไฟล์ภาพแบบที่บีบอัด สามารถทำภาพ ให้มีขนาดของไฟล์ภาพเล็กกว่าแบบ Bitmap หลายสิบเท่า แต่เหมาะจะใช้กับภาพที่ถ่ายจากธรรมชาติเท่านั้น ไม่เหมาะกับการเก็บภาพเหมือนจริง เช่น ภาพการ์ตูน เป็นต้น
เป็นวิธีการเก็บไฟล์ภาพแบบบีบอัดคล้ายกับ JPEG โดยทั่วไปแล้วไม่สามารถเก็บภาพที่ถ่ายจากธรรมชาติได้มีขนาดเล็กเท่ากับแบบ JPEG แต่สามารถเก็บภาพที่ไม่ใช่ภาพถ่ายจากธรรมชาติเช่น ภาพการ์ตูน ได้เป็นอย่างดี นากจากนี้ GIF ยังสามารถเก็บภาพไว้ได้หลายๆภาพ ในไฟล์เดียว จึงถูกนำไปใช้สร้างภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่น ในอินเตอร์เน็ต
TIFF ( Tagged Image File Format )คือการเก็บไฟล์ภาพในลักษณะเดียวกับไฟล์แบบ BMP แต่ในไฟล์มี Tagged File ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยโปรแกรมควบคุมการแสดงภาพ เช่น การแสดงหรือไม่ แสดงภาพบางส่วนได้ ภาพที่เก็บไว้ในลักษณะของ TIFF จึงมีความพิเศษกว่าการเก็บแบบอื่นที่กล่าวมา นอกจากนี้ยังมีไฟล์ภาพแบบต่างๆ อีกหลายแบบ โดยแต่ละแบบจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป
-ไฟล์วีดีโอ
เป็นข้อมูลที่ผสมกันระหว่างไฟล์ภาพและไฟล์เสียง
-ไฟล์โปรแกรม
เป็นโปรกรมต่าง ๆ ที่ตอบสนองการใช้